Tuesday, July 31, 2012

ทำไมต้องซื้อ HD Player ?

Mede8er 450X2 ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดนิยม


หมายเหตุ หน่วยความจำที่ใช้อ้างอิง :
1 Byte (ไบต์) = 1 ตัวอักษร
1 KB (กิโลไบต์) = 1024 Byte
1 MB (เมกกะไบต์) = 1024 KB
1 GB (กิกะไบต์) = 1024 MB
1 TB (เทราไบต์)= 1024 GB



 
ข้อดีของเครื่องเล่น HD Player

- จุไฟล์หนังได้เยอะกว่าพวกแผ่น Blu-ray เรียกได้ว่าใช้ “ฮาร์ดดิสก์” แค่ลูกเดียวเล่นหนังได้กว่า 40 เรื่องขึ้นไป
- สามารถเล่นไฟล์หนัง High Definition ความละเอียดสูงได้แทบทุกฟอร์แมต อาทิเช่น .m2ts, .mkv, .tp , .ts, iso, avi, divx, mpg และอื่นๆอีกมากมาย
- คุณภาพของภาพคมชัดระดับเดียวกับ Blu-ray Player (1080p)
- รองรับการส่งผ่านเสียง (Bitstream) เสียง High Definition อย่าง Dolby TrueHD และ DTS-HD Master Audio
- นอกจากการเชื่อมต่อกับ Hard Disk 3.5” แบบ SATA โดยตรงแล้ว ยังรองรับ External Hard disk หรือพวก USB Flash Drive โดยใช้ช่องต่อ USB ภายนอกได้อีก
- รองรับการเล่นไฟล์เสียงอย่าง mp3, wav , Lossless และไฟล์รูปภาพนิ่งอย่าง Jpeg
- บางรุ่นรองรับการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตเพื่อดูหนัง ฟังเพลงออนไลน์ หรือ Social Network ได้เช่นกัน
- มีการใช้งานที่ง่ายดาย เหมาะสำหรับมือใหม่
- ขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก
- ราคาไม่แพง จึงเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว



เปรียบเทียบความคมชัดของ Standard Definition จากหนัง DVD
และ High Definition จาก HD Player และ Blu-ray Player

ข้อแตกต่างระหว่าง HD Player กับเครื่องเล่น Blu-ray Player และ DVD ?


ชนิดของสื่อที่เล่น :: HD Player เล่นไฟล์จาก Hard Disk ส่วน Blu-ray Player / DVD Player เล่นไฟล์จาก แผ่น Blu-ray Disc และแผ่น DVD

ความจุ ::
Harddisk มีความจุตั้งแต่ 1 TB / 1.5 TB / 2 TB ซึ่งถือว่าเยอะมาก รองรับไฟล์หนังไฮเดฟได้หลายสิบเรื่องส่วนแผ่น Blu-ray Disc มีความจุเพียงแค่ 25-50 GB เท่านั้น ส่วน แผ่น DVD มีความจุเพียง 4.7 GB และ 8.5 GB เท่านั้น

ความหลากหลายของไฟล์ที่รองรับ ::
HD Player รองรับไฟล์วีดีโอไฮเดฟฟินิทชั่นแทบทุกไฟล์ ส่วน Blu-ray Player และ DVD Player จะรองรับแค่บางไฟล์เท่านั้น (เพราะจะเน้นเล่นจากแผ่นมากกว่า)

คุณสมบัติ
HD Player
Blu-ray Player
DVD Player
สื่อที่เล่น
Harddisk
แผ่น Blu-ray
แผ่น DVD
ความจุของสื่อที่เล่น
1-3 TB
25-50 GB
4.7-8.5 GB
จำนวนหนังที่จุได้
ของสื่อที่เล่น
 จำนวน 30 -40
เรื่องขึ้นไป
1 เรื่องเท่านั้น
1 เรื่องเท่านั้น
ความละเอียดของภาพ
1080p
1080p
576p
ระบบเสียง
ที่รองรับ
Dolby TrueHD
DTS-HD Master Audio
Dolby TrueHD
DTS-HD Master Audio
Dolby Digital
DTS
ประเภทของ
ไฟล์วีดีโอที่รองรับ
รองรับไฟล์
แทบทุกรูปแบบ
รองรับไฟล์
HD บางไฟล์เท่านั้น
รองรับไฟล์
ความละเอียดต่ำเท่านั้น
ราคาตัวเครื่อง
2,500 - 20,000 บาท
3000 - 30,000 บาท
500-3,000 บาท

 
ทำไมต้องซื้อ HD Player ?

1. หากมีฮาร์ดดิสก์ความจุซัก 1 TB ก็จะจุหนังได้กว่า 40 เรื่องแล้ว ซึ่งเท่ากับการทดแทนแผ่นหนัง Blu-ray ไปตั้ง 40 แผ่น จึงสะดวก รวดเร็วและประหยัดกว่าพวกเครื่อง Blu-ray Player และ DVD Player
2. เล่นมันแทบทุกไฟล์วีดีโอที่มีอยู่บนโลกใบนี้ เป็นเครื่องที่ครอบคลุมการใช้งานได้มาก
3. ภาพคมชัดระดับ Blu-ray Player ได้สูงสุดถึง 1080p
4. เป็นเครื่องเล่นที่จะมาเติมเต็มศักยภาพการใช้งาน LCD TV / Plasma TV ของท่านได้อย่างเต็มที่
5. ราคาไม่แพงมากเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนซื้อเครื่อง Blu-ray Player และ Blu-ray Disc ซึ่งในปัจจุบันมี HD Player บางรุ่นสามารถอ่านแผ่น Blu-Ray ได้ด้วย
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จะทำให้ท่าน ได้รับประสบการ์การรบชมหนังความคมชัดระดับไฮเดฟฟินิทชั่นอย่างสมบูรณ์ สะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญประหยัดเงินในกระเป๋ากว่าเป็นไหนไหนครับ

เช็คสเปคและราคาของ HD Player ได้ที่นี่เลยครับ 

Sigma หรือ Realtek เลือกอันไหนเหมาะกับตัวคุณ ?

ถ้าพูดถึง HD Player แล้วในปัจจุบันจะมีชิพเซ็ทที่ใช้ประมวลผลอยู่ 2 ชนิดหลักๆ ก็คือ Realtek และ Sigma ซึ่งเราจะพบได้ว่าในรุ่นล่างไปจนถึงรุ่นระดับปานกลางจะใช้ชิพ Realtek และในรุ่นสูงขึ้นมา ( รวมถึงราคา ) จะใช้ชิพ Sigma ซึ่งมือใหม่หลายท่านอาจจะยังงงว่า แล้วเราจะเลือกใช้อันไหนดีล่ะ ราคาก็ต่าง คุณภาพมันต่างกันไหม แล้วความเร็วล่ะ ? เรามาดูกันครับ

Sigma สามารถแสดงเมนู "แท้ๆ" เหมือนเล่นจากแผ่น Blu ray ได้ หรือพูดง่ายๆก็คือใช้เมนูที่มากับหนังอันนั้น โดยส่วนมากจะเป็นไฟล์ Full RIP นะครับ อธิบายไปอาจจะไม่เท่าเห็นภาพ เราลองมาดูกันเลยครับ

จากชิพ Sigma สามารถเลือกปรับจากเมนู "แท้ๆ" แบบนี้


ส่วนชิพ Realtek จะใช้เมนูของตัวเครื่อง HD Player เองในการปรับ
ความรวดเร็วในการใช้งาน ถ้ามองกันตามตรงแล้ว Sigma จะแรงกว่าและเร็วกว่าในด้านการใช้งานการประมวลผล รวมไปถึงความเสถียรของตัวเครื่องด้วย แต่จากการใช้งานจริงๆ องค์ประกอบอื่นๆก็สำคัญเช่นกัน เช่นความเสถียรของตัวเฟิร์มแวร์ของ HD Player ตัวนั้นด้วย

ระบบเสียง HD ทั้ง Dolby TrueHD และ DTS-HD Master Audio ถ้าเป็น Realtek จะทำได้เพียงส่งสัญญาณไปให้ตัว AV Reciever ถอดรหัสอีกที แต่ Sigma นั้นมักจะสามารถถอดรหัสเสียง HD ได้ในตัว 

Dolby TrueHD
ราคาและความคุ้มค่า ในจุดนี้จริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งด้านราคา HD Player ที่ใช้ชิพ Realtek จะมีราคาถูกกว่า HD Player ที่ใช้ชิพ Sigma จึง เป็นข้อดีที่มิอาจมองข้ามได้เลย ถ้าต้องการใช้งานโดยทั่วไป ดูหนัง HD ทั่วไป ไม่เน้นด้านเมนูตัวเครื่อง งบประมาณจำกัด ก็แนะนำให้หา HD Player ที่ใช้ชิพ Realtek มาใช้งาน รับรองคุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์แน่นอน (ซึ่งเครื่องเล่น HD Player ที่ใช้ชิพ Realtek มียอดขายเหนือกว่ามาก) แต่ถ้าท่านใดที่ต้องการใช้งานแบบเต็มที่ เน้นประสิทธิภาพ จัดเต็มทั้งเสียง ภาพ ช่องต่อ ลูกเล่น งบประมาณสูงขึ้นมาหน่อย การมองหา HD Player ที่ใช้ชิพ Sigma ก็ดูเป็นการลงทุนที่สมน้ำสมเนื้อกับประสิทธิภาพที่ได้อย่างแน่นอน !!!

หากจะให้สรุปสั้นๆง่ายๆ ชิพ Realtek = เน้นความคุ้มค่า (มาก) , ส่วนชิพ Sigma = เน้นประสิทธิภาพ ครับ ขอให้เลือกซื้อ HD Player ให้เหมาะสมกับ System และงบประมาณของท่านแล้วกันนะครับ !!!
Continue lendo

คลายทุกข้อสงสัย !!! HD Player คืออะไร ?? ข้อดี ข้อแตกต่าง ทำไมถึงต้องใช้ HD Player ??

คลายทุกข้อสงสัย !!! HD Player คืออะไร ?? ข้อดี ข้อแตกต่าง ทำไมถึงต้องใช้ HD Player ??

ในปัจจุบันนี้หลายๆท่านคงรู้จักกับ HD Player กันไปบ้างแล้ว แต่สำหรับ "มือใหม่" ที่ เพิ่งจะเคยได้ยินคำนี้ อาจจะยังไม่รู้จักว่าจริงๆแล้ว HD Player คืออะไร ? มันมีข้อดีอย่างไรบ้าง ทำไมคนถึงหันมาใช้ HD Player กันมากขึ้น ซึ่งวันนี้ผมจะพาไปทำความรู้จักกับ HD Player อย่างละเอียดกันครับ

HD Player ย่อมาจาก
High Definition Player ( ไม่ใช่ Harddisk Player อย่างที่เข้าใจกัน ) ซึ่ง หมายความถึงเครื่องเล่นที่มีความสามารถในการเล่น “ไฟล์ระดับ High Definition” ตลอดจนไฟล์มัลติมีเดียอื่นๆอาทิเช่นไฟล์ เพลง หรือรูปภาพนิ่งต่างๆ ผ่าน “ฮาร์ดดิสก์” ประเภท SATA ซึ่งมีความจุเยอะกว่าแผ่น Blu-ray / DVD / VCD หลายเท่า และในปัจจุบันนี้ฮาร์ดดิสก์ที่เป็นที่นิยมก็มีขนาดความจุตั้งแต่ 500GB ไปจนถึง 3TB เลยทีเดียว จึงมีความสามารถจุหนังระดับไฮเดฟฟินิทชั่นได้หลักสิบไปจนถึงหลัก ร้อยเรื่อง ขึ้นอยู่กับขนาดของไฟล์หนังเรื่องนั้นๆด้วย โดยปกติแล้วจะอยู่ที่ 20GB ขึ้นไป หากให้เปรียบเทียบกับแผ่น Blu-ray ที่มีความจุเพียงแค่ 25GB ( แบบ Single Layer ) และ 50GB ( Double Layer ) จะจุหนังได้เพียงแค่ 1 เรื่องเท่านั้นเอง การเชื่อมต่อก็สามารถเชื่อมต่อ HD Player เข้ากับ LCD TV / Plasma TV โดยตรงผ่านสาย HDMI หรือจะต่อผ่าน AV Receiver เพื่อจะได้ระบบเสียง Surround 5.1 / 7.1 Channel ก็ได้เช่นกันครับ ส่วนใหญ่นั้นนักเล่น HD Player จะเล่นไฟล์วีดีโอต่างๆผ่านฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5” ซึ่งตัวเครื่อง HD Player ก็จะมีช่องไว้ให้เราใส่ฮาร์ดดิสก์ไว้ตัวเครื่อง HD Player เลยครับ  แต่ก็มี HD Player บางรุ่นที่ไม่มีช่องใส่ฮาร์ดดิสก์ในตัวเครื่อง ก็สามารถต่อผ่านช่อง USB โดยใช้ External Harddisk ขนาด 2.5" ได้เช่นกัน


HD Player ยี่ห้อ Play On


HD Player ยี่ห้อ Egreat


HD Player ยี่ห้อ DUNE


HD Player ขนาดเล็กที่ใช้เชื่อมต่อผ่าน USB


 HD Player ที่ใส่ Harddisk ขนาด 3.5"


Mede8er 450X2 ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดนิยม
Continue lendo

หลักการทำงานของเครื่อง HDD media player

 http://www.seedcamera.com/images/stories/dvico/6600_spec.jpg


หลายท่านนึกสงสัยว่า เครื่อง ฮาร์ดดิสก์ มีเดีย เพลเยอร์ ทำงานยังไง วันนี้ผมจะอธิบายให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
โดยขอปูพื้นฐานเรื่องความจุของที่เก็บข้อมูลก่อนครับ
เริ่มจาก เทป - VCD - DVD - Blu ray โดยความจุของแต่ละชนิดใหญ่ไม่เท่ากันครับ (ผมขอเริ่มจากวีซีดีนะครับ)
1. VCD จะใส่ข้อมูลได้ 700 Mb
2. DVD5 จะใส่ข้อมูลได้ 4.7 Gb ซึ่งเป็นเลเยอร์เดียว(ชั้นเดียว) และ DVD9 เป็น 2 layer จะใส่ข้อมูลได้ประมาณ 9 Gb ครับ
3. Blu ray จะใส่ข้อมูลได้ 25 Gb ที่ layer เดียว และ 2 layer จะได้ 50 Gb ครับ (ซึ่งปัจจุบันจะทำออกมาเป็น 2 layer เลยครับ)
ซึ่ง ภายในจะบรรจุข้อมูล 0101 (เป็น digital) ไว้ครับ จากนี้ก็ให้นึกถึงกระดาษม้วน(ทิชชู่ไว้ครับ) มันคือการบันทึกข้อมูล 0101 เป็นเส้นตรงแล้วม้วนจากวงในถึงวงนอกได้ความยาว 700 Mb, 4700 Mb(4.7Gb) , 50 Gb ครับ โดยความต่างของมันคือ ความหนาของกระดาษทิชชู่ครับ (หลายท่านก็คงเคยนึกสงสัยว่า แผ่น VCD, DVD , Blu ray ก็แผ่นกลมๆ เท่ากันทำไมมันถึงต่างกัน) คือมันต่างเพราะความหนาของร่องข้อมูลของแผ่น VCD มันหนาครับ ทำให้พันจากแกนในถึงสุดขอบนอก ยาวได้แค่ 700 Mb ครับ จากนั้นก็หลักการเดียวกัน DVD ก็มีร่องข้อมูลที่บางกว่าจึงพันได้ยาวกว่า VCD ครับ แต่ Blu ray จะต่างออกไปจากนี้นิดนึงตรงที่ว่า การอ่านข้อมูลในแผ่น VCD หรือ DVD ก็ตาม จะใช้แสงสีแดงเป็นเลเซอร์อ่านข้อมูลในแผ่น VCD และ DVD แต่ Blu ray นั้นได้ข้ามขีดจำกัดไปโดยการเปลี่ยนแสงในการอ่านให้เป็นแสงสีน้ำเงินซึ่ง แสงสีน้ำเงินมีขนาดเล็กกว่าแสงสีแดงครับ ทีนี้แหละจึงทำให้ร่องข้อมูลในบรูเลย์บางลงครับ เลยทำให้ได้ความยาวที่มากกว่าและสามารถบรรจุข้อมูลได้มากกว่า DVD ออกมาในตลาดครับ
แต่ถึงกระนั้น ใครจะอยากบรรจุข้อมูลในแบบ blu ray ล่ะครับ เพราะเราก็มี HDD ในชีวิตประจำวันอยู่แล้วใช่ไหมครับ ดังนั้นทาง sony ก็เลยเอามาตรฐาน blu ray นี้ไปให้กับโรงถ่ายหนังทั่วทั้งโลกครับว่า ต่อไปนี้ หนังที่แต่ละค่ายถ่ายทำอยู่จะสามารถทำให้ชัดได้แบบเหมือนต้นฉบับโดยไม่ต้อง ย่อให้เมื่อยตุ้มอีกแล้วเพราะ blu ray
ทีนี้ทุกท่านเริ่มเข้าใจความเป็น ไปเป็นมาของการบันทึกข้อมูลลงแผ่นแล้วนะครับ จากนั้นให้เรามาดูรอบตัวเราครับ ปัจจุบันนี้โลกได้หมุนไปด้วย technology ที่ไม่เคยหยุดจนกระทั้งมีคนคิดค้น bit torrent (บิท ทอเร้นท์) ขึ้นมาครับ ไอ้ bit torrent นี้ทำให้โลกของเราแคบลงเลยครับเพราะ เราจะสามารถโหลดอะไรก็ได้จากในโลกนี้โดยที่ไม่สามารถจับมือใครดมได้ครับว่า ใครเป็นคนปล่อย file (ไว้มีเวลาวันหลังจะมาอธิบายการทำงานของ bit torrent นะครับ) และด้วยค่าลิขสิทธิ์ที่ Blu ray ทำออกมาแพงต่อแผ่นเหลือเกินจึงเกิดมีคนใจดีในโลกเรานี้ ยอมซื้อหนัง Blu ray มา 1 แผ่น แล้ว ก๊อปออกมาเป็น file จากนั้นก็ปล่อย file เข้าไปในระบบ bit torrent จึงทำให้คนทั่วโลกสามารถได้ file หนังแบบ blu ray มาเก็บไว้ที่บ้านครับ
ทีนี้ก็มาเข้าเรื่องตามหัวข้อดีกว่าครับ
จริงๆแล้วการทำงานของเครื่อง Blu-ray เป็นลักษณะ
1.มีแผ่น Blu-ray ใส่เข้าไปในเครื่อง แล้วก็มี
2.หัวอ่านแสงสีฟ้า (มันถึงชื่อบลูเรย์) อ่านแผ่น (การอ่านออกมาเป็น 0101)
3.ก็ออกมาเป็น ซอฟไฟล์ จากนั้นก็
4.เอาไปประมวลผลที่เมนบอร์ด แล้วก็
5.ขับออกมาเป็นภาพ
ซึ่งเครื่อง HDD media player นั้นตัด 2 ข้อแรกออกครับ ได้มาเป็น file หนังที่มีบรรจุอยู่ใน HDD แล้วก็ประมวลผลออกมาเป็นภาพครับ

ที นี้เครื่องตัวนี้ดีกว่า DVD ยังไง ง่ายๆครับ คือ สามารถขับภาพได้ 1080P ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดที่ทีวี LCD ของทุกค่าย สามารถขับได้ ซึ่ง DVD ก็ได้แค่ 480 หรือ 576 เส้นครับ และถ้าเปรียบเทียบกับเครื่อง blu ray ล่ะ หลายท่านอาจจะประสบเหตุการณ์แบบนี้
oเก็บจนไม่มีที่แล้ว
oหาแผ่นไม่เจอเพราะเยอะเกิน
oแผ่นเป็นลอยพอใช้ไปมากๆ
ดัง นั้นคนที่รักหนังก็จะรู้สึกว่าไม่อยากจะเก็บแผ่นแล้ว และโลกปัจจุบันก็มีเรื่องการเซฟหนังเป็น soft file (ซอฟไฟล์)ใส่ฮาร์ดดิสก์ จะได้ไม่มีเน่าเสีย ไม่เป็นรอย ไม่ใช้พื้นที่เยอะ ซึ่งตอนนี้ เทรนของคน ส่วนมากก็เซฟแผ่นเป็น ซอฟไฟล์ ไว้ใน ฮาร์ดดิสก์กันเยอะแล้ว
และจากที่ตอน นี้มี อาชีพใหม่เกิดมาในประเทศไทยคือ รับขาย file หนังแบบ blu ray กิ๊กละบาท เรื่องนึงก็ประมาณ 10 กิ๊ก ครับ ซึ่งก็ตกประมาณ 10 บาทต่อเรื่อง ซึ่งทำให้การดูหนังของเรามีคุณค่าในการดูมากขึ้น ชัดมากขึ้น และต้นทุนหนังแต่ละเรื่องก็ถูกลงครับ

ขอบคุณมากครับที่เสียสละเวลาอ่าน แล้ววันหลังผมจะมาสรุปให้อ่านเรื่องอื่นๆต่อนะครับ

 ขอบคุณมากครับ กำลังอยากทราบอยู่พอดีเลยครับว่า Blu-ray คืออะไร แล้วใช้ทำอะไร ใช้อย่างไร
ขอถามต่อว่า แผ่นราคาเท่าไหร่ เครื่องเล่นละ แล้วโหลดหนังในราคา 10 บาทนี่ เราจะไปโหลดได้จากที่ไหนครับ รบกวนขอคำตอบด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ


ขอตอบคำ ถามต่อนะครับว่า จริงๆตอนนี้แผ่น blu ray ขายกันในเมืองนอกก็ 17 เหรียญ (เวปอเมซอน) คือประมาณ 560 บาทครับ ซึ่งจริงๆแล้วมันมีสองแบบครับคือ
1. blu ray แท้ๆที่ทาง sony เป็นคนทำออกมาขายรวมค่าลิขสิทธิ์ที่คนไทยนำเข้ามาเช่น แมงป่อง ก็จะขายอยู่ที่ประมาณ 1500 บาท
2. แผ่น write จากแม่สาย(จากจีนนั่นแหละ) ก็ตกประมาณ 400-600 บาท ตามระยะทางนะครับ เช่น กทม ก็ 600 ถ้าไปซื้อถึงแม่สายก็ 400 ครับ ผมขออธิบายตรงนี้เพิ่มเติมนะครับว่า จริงแล้ว sony มีบทเรียนราคาแพงมากๆอยู่ครับ คือ การที่คิดค้น DVD ออกมาได้นั้นก็สามารถขายลิขสิทธิ์ต่างๆได้ใช่ไหมครับ (ยกตัวอย่างแผ่น MD ของ sony ซึ่งถ้าทำให้ไม่ดังก็ตายครับแต่ถ้าดังขึ้นมาก็ขายลิขสิทธิ์ยาว รวยไม่รู้เรื่อง) แต่ในโลกนี้ดันทำเครื่อง DVD writer ออกมาให้ทุกคนได้ใช้ มันเลยส่งผลให้ทุกคน write เองหมด ไม่ซื้อมันแล้วแผ่นแท้  นี่คือบทเรียนที่ sony จำฝังใจและจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ดังนั้นตอนนี้จะเห็นได้ว่า ไม่มีค่ายไหนทำเครื่อง Blu ray writer ออกมาเลย ซึ่งจริงๆก็ทำออกมาอยู่ครับแต่เป็นวงแคบๆและแผ่น Blu ray เปล่าด้วย
ดัง นั้นถ้าถามผมตอนนี้ว่ามาตรฐาน blu ray ดีไหมก็ต้องตอบว่าดีมากทำให้ทุกคนได้ดูหนังชัดกันไปตามๆกัน แต่ถามว่าคุ้มไหมที่จะจ่ายเงิน ก็ต้องตอบว่าผมยอมซื้อ file มันดีกว่าครับ (ไม่ถูกลิขสิทธิ์น่ะ) เพราะชัดเท่ากันแต่ราคาถูกกว่าเยอะมาก (แต่ก็ต้องเสียเงินซื้อ HDD มาเซฟหนังอยู่ดี)
ซึ่งถ้าเปรียบเทียบราคาแล้วนะครับ
เครื่อง blu ray (อย่างน้อยๆก็ 6-7 พัน) กับ HDD media player ประมาณ 4500-10xxx (เอาเครื่องที่ขับ 1080p นะครับ อย่าไปเปรียบกับเครื่องที่ขับได้ 1080i นะครับ)
แต่หนัง blu ray 50 เรื่อง ไปซื้อที่แม่สายด้วย ก็ 50x400 = 20,000 บาท แต่ ถ้าซื้อแบบ file ก็ HDD ใหม่ 500 Gb = 1700 บวกกับค่าหนัง กิ๊กละบาท เป็น 1700+500 = 2200 บาท ต่อ 50 เรื่อง จะเห็นได้ว่า  ความคุ้มในระยะแรกก็คุ้มกว่าแล้วและถ้าหลังจาก 50 เรื่องแรกผ่านไปก็จะถูกกว่าไปเรื่อยๆครับ ดังนั้นผมว่า นวัตกรรมนี้กำลังมาแต่เมื่อไหร่ ก็เท่านั้นครับ
ส่วนเรื่องหนังโหลดได้ที่ไหน มีอยู่สองวิธีครับ คือ ฟรีเสียเวลาค่าไฟ กับ เสียเงินประหยัดเวลาประหยัดไฟ
1. ใช้ bit torrent ครับ โหลดเอาเลยได้กันฟรีๆ ตอนนี้มีแจกกันตรึม แต่ก็ต้องเปิดคอมไว้เสียค่าเนตค่าไฟครับแต่ได้ฟรีๆ
2. ซื้อเอาค้นหาใน google ครับ กิ๊กละบาท มีเต็มเลย หรือจะคนนี้ก็ได้ครับ http://www.dvd2hand.tv/forum/showthread.php?t=14468
เค้า ขายมานานมีหนังให้เลือกเยอะ โหลด excel เค้ามาติ๊กครับ อยากได้เรื่องไหนยังไง แล้วก็สั่งซื้อโอนเงินพร้อมค่า HDD ใหม่ หรือถ้าเรามี HDD อยู่แล้วก็ส่งให้เค้าก็ได้ครับ

ขอบคุณมากครับที่ให้เสียสละเวลาอ่านกันครับ
Continue lendo
 

hdd player 3d Copyright © 2012 | Template design by | Powered by